ช่วงปีที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากต่างโพสต์ภาพถ่ายไอศกรีมที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น ซึ่งมองแวบเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ไหน โดยการ “เช็กอิน” เช่นนี้กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยวที่จีนรอบปีที่ผ่านมา กระแสดังกล่าวเริ่มต้นหลังพิพิธภัณฑ์ซานซิงตุยเปิดตัวไอศกรีม “หน้ากากสัมฤทธิ์” ที่มีต้นแบบจากหน้ากากสัมฤทธิ์ 2 ชิ้นที่ขุดพบในหลุมบูชายัญซานซิงตุย และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในโลกอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้น จุดชมวิวหลายแห่งในจีนก็ทยอยเปิดตัวไอศกรีมที่มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เช่นนี้ จนการเฟ้นหาไอศกรีมประจำสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสร้างสรรค์เป็นเลิศ กลายมาเป็นหัวข้อยอดฮิตในสื่อสังคมออนไลน์
ในเมืองเย่ว์หยาง มณฑลหูหนานนั้น ไอศกรีมรูปหอเย่ว์หยางและโลมาหัวบาตรหลังเรียบได้รับความนิยมสูงสุด ส่วนมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ก็มีไอศกรีมรูปแพนด้าที่มัดใจชาวเน็ตได้อยู่หมัด มณฑลหูเป่ยก็ไม่น้อยหน้า ชูไอศกรีมหอนกกระเรียนเหลือง มูสกระบี่โกวเจี้ยน (เจ้าผู้ครองแคว้นเย่ว์) และระฆังช็อกโกแลต ส่วนมณฑลเจียงซีมีไอศกรีมทรงหอเถิงหวังเก๋อ ที่ยังคงเก็บรายละเอียดองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างดี เช่นชั้นลอยที่ซ่อนอยู่ระหว่างชั้นต่างๆ แถมยังมีชื่อสถานที่ประดับอยู่ด้านล่างด้วย ปิดท้ายด้วยหมู่ถ้ำหินโม่เกาของมณฑลกานซู่ ซึ่งนำเสนอไอศกรีมรูปหอ 9 ชั้น รสสตรอว์เบอร์รี ที่หลังรับประทานเสร็จแล้วยังสามารถนำไม้ไอศกรีมไปใช้เป็นที่คั่นหนังสือได้อีกด้วย
“มันน่าทึ่งมาก เพียงแค่กินไอศกรีมนี่คำเดียวเท่านั้น ก็เหมือนได้ลิ้มรสวัฒนธรรมหลายพันปี” ผู้ใช้บัญชีเวยโป๋รายหนึ่งที่ชื่อว่า “ห้องเรียนภาษาและวัฒนธรรมของครูหลิว” กล่าว
หลายปีมานี้ “ความคลั่งไคล้วัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์” ที่เพิ่มขึ้น ได้ช่วยคืนชีพให้โบราณวัตถุและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ด้านวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์บางรายการได้ความนิยมจน “ฉุดไม่อยู่” บ่อยครั้ง ทั้งยังช่วยสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์สินค้าที่แปลกใหม่และน่ารัก แถมช่วยให้สาธารณชนได้สัมผัสกับวัตถุทางวัฒนธรรมในรูปแบบที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
Powered by Froala Editor