มารู้จักกับ "เทศกาลชีซีเจี๋ย" ตรงกับวันที่ 7 เดือนที่ 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน เป็นเทศกาลของจีนที่มีมาช้านาน เทศกาลนี้ จริงๆ แล้วเป็นเทศกาลที่ได้มาจากการเคารพดวงดาวบนท้องฟ้า และมักจะมีกิจกรรมบูชาจัดขึ้นมาในค่ำคืน จึงมีประเพณีในการอธิษฐานขอพร นั่งมองดวงดาวที่เป็นคู่รักในนิทานจีน ขอให้มีคู่ครองสมหวัง เป็นต้น เนื่องจากในประวัติศาสตร์หลายพันปีที่ผ่านมานี้ เทศกาลชีซีมีความเกี่ยวข้องกับนิยายความรักของชายเลี้ยงวัวและสาวทอผ้า จึงทำให้กลายเป็นเทศกาลแห่งความรัก และยอมรับกันว่า เป็นเทศกาลที่มีความโรแมนติกของจีน หรือเป็นวันวาเลนไทน์จีนในยุคปัจจุบัน
เทศกาลชีซีเจี๋ยได้เริ่มตั้งแต่สมัยโบราณ และได้เริ่มเผยแพร่ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก มีความเจริญขึ้นมาในราชวงศ์ซ่ง ในสมัยโบราณ เทศกาลชีซีเป็นเทศกาลเฉพาะสาวๆ เท่านั้น ส่วนประเพณีมากมายหลากหลายนั้น บางส่วนหายไปแล้ว บางส่วนก็ได้สืบทอดมาถึงปัจจุบัน ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของจีน อาทิ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ก็ได้รับอิทธิพลและมีการเฉลิมฉลองเทศกาลชีซีเช่นกัน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม คณะรัฐมนตรีจีนจัดเทศกาลชีซีอยู่ในบัญชีรายชื่อมรดกวัฒนธรรมอวัตถุระดับชาติรุ่นแรก หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า เทศกาลนี้มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 1 ในมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ แถมยังมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับความรู้ด้านดาราศาสตร์ของจีนสมัยโบราณอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง ชาวโลกสามารถเห็นทางช้างเผือกทอดตัวยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ โดยมีดาวฤกษ์ 2 ดวงสว่างสุกใสอยู่คนละด้านของทางช้างเผือก ดิอ ดาวเว้ก้า ตัวแทนของจื่อหนี่ว์ และ ดาวอัลแทร์ ตัวแทนของหนิวหลาง ในสมัยโบราณ เทศกาลชีซียังไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของความรัก แต่มีประเพณีเฉลิมฉลองให้แก่เด็กผู้หญิงในยุคโบราณ เรียกว่า Daughter’s Festival เช่น เด็กหญิงต้องกลัดเข็มเย็บผ้าไว้ในเสื้อเป็นเคล็ด เพื่อให้มีสติปัญญาหลักแหลม มีพิธีขอพรจากเทพเจ้า พิธีบวงสรวงเทพธิดาจือหนี่ว์ที่ชาวจีนยกย่องให้เป็น “เทพธิดาแห่งการเย็บปักถักร้อย” รวมถึงขอพรให้เจอคู่ครองที่ดี
"หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า" ตำนานรักแห่งเทศกาลชีซีเจี๋ย
เทศกาลชีซีเจี๋ย มีที่มาจากตำนานที่มีทั้ง ความโรแมนติก แฟนตาซี ดราม่า และโศกนาฏกรรมครบรส โดยเป็นเรื่องราวของ ‘หนิวหลาง’ (ภาษาจีนคือ 牛郎 niúláng แปลว่า หนุ่มเลี้ยงวัว) หนุ่มเลี้ยงวัวผู้ยากจน กับนางฟ้านาม ‘จือหนู่ว์’ (织女 zhīnǚ แปลว่า สาวทอผ้า) เรื่องราวมีอยู่ว่าในวันที่ 7 เดือน 7 หนิวหลางได้พบกับพี่น้องนางฟ้า 7 องค์ที่ลงมาอาบน้ำบนโลกมนุษย์ แต่วัวที่หนิวหลางเลี้ยงไว้ซึ่งเป็นวัวที่มีความพิเศษเพราะในอดีตเคยอยู่บนสวรรค์แต่ทำผิดกฎจึงถูกลงโทษให้มาเกิดเป็นวัวบนโลกมนุษย์ ออกอุบายให้หนิวหลางแอบขโมยเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาซ่อนไว้
เมื่ออาบน้ำเสร็จเหล่านางฟ้าจึงพากันแต่งตัวเตรียมกลับสวรรค์ แต่นางฟ้าองค์สุดท้องคือจือหนู่ว์หาเสื้อผ้าไม่เจอด้วยถูกหนิวหลางนำไปซ่อนแล้ว ระหว่างนั้นเองหนิวหลางจึงได้ยื่นข้อเสนอว่าจะคืนเสื้อผ้าให้หากนางยอมแต่งงานกับเขา จือหนู่ว์จึงยอมตกลงแต่งงาน ทั้งสองตกหลุมรักกันและมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นลูกชาย 1 คน ลูกสาว 1 คน ระหว่างที่ใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ จือหนู่ว์ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งการทอผ้าก็ได้ทอผ้าขายเพื่อจุนเจือครอบครัว ทางด้านเจ้าวัวที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ก็ได้ล้มป่วยและตายลงในเวลาต่อมา โดยก่อนตายเจ้าวัวได้สั่งเสียไว้ว่าให้ถลกหนังของมันเก็บไว้ใช้ในยามคับขัน
เรื่องราวความรักของทั้งสองเหมือนจะจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ด้วยความที่ ‘หนิวหลาง’ เป็นชาวโลก และ ‘จือหนู่ว์’ เป็นนางฟ้าจึงเกิดปัญหาขึ้น เมื่อซีหวังหมู่ (西王母 xī wángmǔ) เทพมารดรแห่งทิศตะวันตก ได้ทราบเรื่องนี้จึงโกรธมากและมีบัญชาให้นำตัวจือหนู่ว์กลับสวรรค์
แต่ทว่าหนิวหลางไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาได้หยิบหนังวัวมาคลุมและพาลูกทั้งสองเหาะตามไป แต่ซีหวังหมู่ก็ขว้างปิ่นปักผมออกไปจนกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ขวางกั้นทั้งสองไว้ เหล่านกสาลิการู้สึกซาบซึ้งใจใน ความรัก ของหนิวหลางและจือหนู่ว์จึงรวมตัวกันเป็นสะพานให้ทั้งคู่ข้ามไปพบกัน ด้านซีหวังหมู่ก็ได้เห็นถึงความรักอันแน่วแน่ จึงอนุญาตให้ทั้งคู่ได้พบกันปีละครั้งในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี
และนี่ก็คือตำนานรักหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าอันเป็นที่มาของเทศกาลชีซีเจี๋ยของจีน ใครที่เรียนภาษาญี่ปุ่นอ่านแล้วอาจรู้สึกคุ้นๆ เพราะเทศกาลนี้เป็นที่มาให้กับเทศกาลทาตาบานะ (七夕祭り) ของญี่ปุ่นด้วย โดยในเวอร์ชั่นของญี่ปุ่นจะเป็นเรื่องราวความรักที่มีอุปสรรคของหนุ่มเลี้ยงวัวนาม ‘ฮิโคโบชิ’ กับเจ้าหญิงทอผ้า ‘โอริฮิเมะ’ ที่ถูกแม่น้ำแห่งสวรรค์ขวางกั้นและได้พบกันปีละครั้งในวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ของทุกปี
"เทศกาลชีซีเจี๋ยกับภูมิปัญญาด้านดาราศาสตร์"
นอกจาก เทศกาลชีซีเจี๋ย จะมีตำนานรักระหว่างเทพและมนุษย์ที่ลึกซึ้งกินใจจนถึงยุคปัจจุบันแล้ว เทศกาลนี้ยังสะท้อนถึงภูมิปัญญาด้านดาราศาสตร์ของชาวจีนโบราณ กล่าวคือ ‘แม่น้ำ’ ในตำนานที่เกิดจากการที่ซีหวังหมู่ขว้างปิ่นปักผมออกไปเพื่อขวางกั้นไม่ให้หนิวหลางตามจือหนู่ว์มาถึงสวรรค์ได้นั้น เปรียบได้กับ ‘ทางช้างเผือก’ (Milky way) ที่ทอดยาวบนท้องฟ้า
ส่วนหนิวหลางกับจือหนู่ว์ที่เฝ้ารอวันที่จะได้พบกันอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ก็เปรียบได้กับดาวฤกษ์ 2 ดวงที่ส่องสว่างอยู่ที่ปลายสุดแต่ละด้านของทางช้างเผือก ได้แก่ ‘ดาวอัลแทร์’ (Altair) หรือดาวหนุ่มเลี้ยงวัวของกลุ่มดาวนกอินทรี (Aquila) กับ ‘ดาวเวก้า’ (Vega) หรือดาวสาวทอผ้าของกลุ่มดาวพิณ (Lyra)
นอกจากนั้นแล้วยังเป็นเรื่องน่าทึ่งที่ในช่วงเดือน 7 ที่มีเทศกาลชีซีเจี๋ย ในประเทศจีนจะตรงกับฤดูร้อนซึ่งท้องฟ้าแจ่มใสจนสามารถมองเห็นทั้งทางช้างเผือก ดาวอัลแทร์ และดาวเวก้าซึ่งเป็นตัวแทนของตำนานหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าได้อย่างชัดเจน สำหรับปี 2024 ชาวจีนฉลอง วันวาเลนไทน์ ตามแบบตะวันตก และอวยพรคำว่า Happy Qixi Valentine’s Day! มีการให้ดอกไม้ การ์ด ช็อกโกแลต ของขวัญรูปหัวใจ พาไปดินเนอร์ ออกเดท แต่คนเฒ่าคนแก่มักพูดกันว่า วันวาเลนไทน์ ฝนตกแน่นอน เพราะจื่อหนี่ว์ กำลังร้องไห้อยู่
เป็นอย่างไรกันบ้างกับวันแห่งความรักของประเทศจีน ถือเป็นตำนานเล่าขานที่มีความโรแมนติกอย่างมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นธรรมเนียมที่สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นจนถึงปัจจุบันอีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลน่าสนใจและควรรู้จักเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายนี้ 七夕快乐! สุขสันวันวาเลนไทน์ ทุกคนค่ะ
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor